เจาะเหล็กอย่างไรให้ได้คุณภาพ
การใช้เครื่องมือเจาะเหล็กใน site งานนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะการเจาะรูโลหะ เช่น เหล็ก หรือแสตนเลส การ เข้าใจความแตกต่างระหว่างดอกสว่านแบบทั่วไป (Twist Drill) และดอกเจาะแบบกัดรอบวง (Annular Cutter) หรือดอกสว่านแบบ jet broach นั้น จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้กำลังและเวลาที่น้อยกว่า
การทำงานของดอกสว่านแบบทั่วไป
การเจาะรูในชิ้นงานโลหะด้วยดอกสว่านแบบธรรมดาเป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วไป แต่ว่าด้วยใบมีดของดอกสว่านที่มีอยู่เพียง 2 แถบ และด้วยอัตราความเร็วในการเจาะ ณ บริเวณเข้าใกล้จุดกลาง จะใกล้เคียง 0 ทำให้ต้องใช้แรงกดและความดันที่สูงมากกว่าในการคว้านเนื้อเหล็ก ทำให้การเจาะแบบนี้นอกจากจะต้องใช้กำลังแรงม้าที่สูงกว่า ยังกินเวลาในการเจาะมากกว่าด้วย และอีกทั้งยังจะต้องกัดเนื้อเหล็กในส่วนที่เป็นรูให้ออกมาเป็นผงให้หมดด้วย
การทำงานของสว่านแบบมีดวงแหวน การเจาะรูในชิ้นงานโลหะแข็งด้วยดอกเจาะแบบกัดรอบวง จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อรูที่ต้องการมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 11 – 125 mm ลึก 76 mm โดยจะมีความแม่นยำสูงถึง +0.1 mm -0.000mm ในเหล็กหรือแสตนเลส ต่างๆ และด้วยฟันใบมีดที่มีมากกว่า จะใช้กัดเนื้อโลหะเพียงขอบของรูเท่านั้น ยังคงเหลือชิ้นโลหะตรงกลางของรูอยู่ และด้วยความหนาของผนังตัวเจาะเพียงประมาณ 6.35 mm นั่นหมายความว่า ไม่ว่ารูที่คุณต้องการเจาะจะใหญ่เพียงใด เนื้อโลหะที่จะต้องทำการเจาะคว้านนั้นเพียงแค่ขอบของรูเท่านั้น และด้วยผิวสัมผัสของใบมีดที่กระจายใบทั่วแบบวงแหวน จะทำให้ใบมีดคงความทนทานได้นานกว่า 5-10 เท่าของการเจาะรูด้วยดอกสว่านแบบธรรมดา ที่สำคัญ คุณภาพของชิ้นงานที่ได้ หรือรูนั้น จะมีความเรียบเนียนกว่า ไม่มีเสี้ยน ไม่ขรุขระ เนื่องจากไม่ได้ใช้วิธีคว้านเนื้อโลหะออกทั้งหมด นอกจากนี้ การเจาะด้วยดอกสว่านแบบกัดรอบวง ไม่ต้องทำการ predrilling or stepdrilling ส่วนใหญ่แล้ว เราจะพบการใช้งานใบมีดแบบสว่านวงแหวนได้ในงานซ่อม on site และการเจาะรูเปิดช่องด้วยเครื่องมือกล และการเจาะรูสำหรับชิ้นงานที่มีลักษณะเป็นท่อ
|
วิธีการทำงานของดอกเจาะแบบกัดรอบวง (Annular Cutter) หรือ jet broach การเลือกเครื่่องมือในการเจาะรู FAQ ดอกเจาะแบบกัดรอบวง |